กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป., พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ รอง ผบก.ปปป., พ.ต.อ.สมบัติ มาลัย ผกก.๒ บก.ปปป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. นำโดย นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช., นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช., นายไพโรจน์ นิยมเดชา ผอ.กลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว ๒ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. นำโดย นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกฤษณ์ กระแสเวส รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2, นายสุภาพ ศิริ ผู้อำนวยการกองอำนวยการต่อต้านการทุจริต และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. นำโดย นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ง. และ พ.ต.ท.ประวิทย์ แช่มมั่นคง ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนทางการเงิน 1 ป.ป.ง.

ร่วมกันจับกุม

  1. 1. นายเอกพจน์ฯ (นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองคลองหลวง) อายุ 53 ปี
  2. 2. นายสถิตฯ (ผอ.กองช่าง เทศบาลเมืองคลองหลวง) อายุ 50 ปี

ดำเนินคดีในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” มาตรา 157

สถานที่จับกุม เทศบาลเมืองคลองหลวง ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

พฤติการณ์ ก่อนหน้านี้ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการได้ไปติดต่อที่เทศบาลเมืองคลองหลวง
เพื่อขออนุญาตถมดิน ตาม พรบ.ขุดดินถมดิน พ.ศ.2543 โดยค่าธรรมเนียมทั่วไป เป็นจำนวนเงิน 500 บาท
แต่นายเอกพจน์ฯ นายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวง เจ้าพนักงานเป็นผู้ออกใบอนุญาต ได้เรียกรับเงินจากผู้เสียหายลูกบาศก์เมตรละ 50 บาท จากดินที่จะใช้ถมจำนวน 60,000 ลูกบาศก์เมตร

รวมเป็นเงิน 3,000,000บาท

ต่อมาวันที่ 4 เม.ย.66 ผู้เสียหายได้จ่ายเงินไปแล้ว 500,000 บาท โดยผ่านนายสถิตย์ฯ ผอ.กองช่างฯ และได้มีการนัดหมายจ่ายเงินอีก จำนวน 500,000 บาท ในวันที่ 3 พ.ค.66 ที่เทศบาลเมืองคลองหลวง ผู้ร้องเรียนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของ จนท.เทศบาลเมืองคลองหลวง เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายจงใจเรียกรับเงินเพื่อไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว จึงได้นำหลักฐานเป็นภาพบันทึกเสียงวีดิโอการเรียกรับเงินดังกล่าว มายื่นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. เพื่อร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม โดยทาง บก.ปปป.ได้รับคำร้องทุกข์เรื่องดังกล่าวไว้ดำเนินการสืบสวนสอบแล้วพบว่า มีพยานหลักฐานชัดเจนเชื่อได้ว่าผู้บริหารเทศบาลเมืองคลองหลวงมีพฤติการณ์ร่วมกันเรียกรับทรัพย์สินตามที่ผู้เสียหายมาร้องทุกข์จริง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาทุจริต และประพฤติมิชอบภาค 1 อนุมัติหมายจับนายสถิตย์ฯ ที่ 10/2566 และหมายค้นบ้านพักของนายสถิตย์ฯ ที่ 1/2566 ลงวันที่ 3 พ.ค.66

จากนั้นวันที่ 3 พ.ค.66 เวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. ได้ร่วมกันวางแผนเพื่อแสวงหา และรวบรวมพยานหลักฐาน โดยให้ผู้เสียหายนำเงินสด จำนวน 500,000 บาท ซึ่งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว นำมามอบให้นายสถิตย์ฯ ที่ ห้องทำงานเทศบาลฯ และเมื่อผู้เสียหายได้ส่งมอบเงินแล้ว เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้แสดงตัวเพื่อเข้าทำการตรวจค้น ขณะทำการตรวจค้น พบว่ามีเงินสดจำนวน 500,000 บาท ในถุงกระดาษวางอยู่บนโต๊ะทำงานภายในห้องทำงาน เจ้าหน้าที่ฯ จึงทำการตรวจสอบเงินสดต่อหน้านายสถิตย์ฯ พบว่าหมายเลขธนบัตรตรงกับหมายเลขธนบัตรที่ลงบันทึกประจำวันไว้ จึงได้แจ้งพฤติการณ์และแสดงหมายจับพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาให้นายสถิตย์ฯทราบ

ต่อมานายเอกพจน์ฯ ได้เดินทางเข้ามายังที่ทำการ เทศบาลเมืองคลองหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้นายเอกพจน์ฯ ทราบ และนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ส่ง พงส.กก.2 บก.ปปป. โดย พงส. บก.ปปป. จะได้สอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำส่งสำนวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถามผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดในข้อกล่าวหา